การตรวจพระด้วย

วิทยาศาสตร์

     การวิเคราะห์พระเครื่องและวัตถุด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น แสงอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Light: UV Light) เครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ (X-Ray Fluorescence: XRF) เพื่อยืนยันอัตลักษณ์และความแท้จริงของพระเครื่องและวัตถุ โบราณคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประเมินลักษณะภายนอกของพระเครื่องและวัตถุ

ขั้นตอน

การตรวจพระ

01

การตรวจสอบ เบื้องต้น

02

การตรวจสอบองค์ประกอบด้วยเครื่องเอกซเรย์ ฟลูออเรสเซนต์ (XRF)

03

การตรวจพิสูจน์
โดยผู้เชี่ยวชาญ

04

การวัดขนาด
และชั่งน้ำหนัก

05

การถ่ายภาพ

06

การจัดทำใบรับรอง อัตลักษณ์แบบพิมพ์ บนกระดาษและประทับตราปั้มนูน

07

การจัดทำใบรับรองอัตลักษณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการใช้บล็อกเชน

08

จัดทำสินทรัพย์ดิจิทัลจากภาพ ที่ถ่ายไว้

09

ฝึกโมเดล ปัญญาประดิษฐ์ (Machine Learning Model)

10

จัดทำแอปพลิเคชัน จดจำอัตลักษณ์ และยืนยันภาพของวัตถุที่ตรวจรับรองแล้ว ผ่านสมาร์ทโฟน

11

เชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมด เพื่อการยืนยัน พระเครื่องและวัตถุ

     ระบบและวิธีการยืนยันอัตลักษณ์พระเครื่องและวัตถุ โดยเครื่องมือและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีบล็อกเชน และปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วยขั้นตอนและส่วนประกอบหลักดังต่อไปนี้


1.การตรวจสอบเบื้องต้น

     นำพระเครื่องมาประเมินด้วยแว่นขยายขนาดพกพา กำลังขยายขั้นต่ำ 10x และแสงอัลตราไวโอเลต (UV) ความยาวคลื่น 365 นาโนเมตร เพื่อตรวจสอบลักษณะภายนอก หากผ่านเกณฑ์ 80% ของแบบประเมิน (อย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อ) จึงส่งไปขั้นตอนถัดไป แบบประเมินมีประเด็นประเมินดังนี้

  • คราบหรือรอยเสื่อมสภาพ: ต้องมีคราบดินหรือรอยออกซิเดชันที่ไม่สม่ำเสมอ ตรวจด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (UV)
  • รอยแตกลายงา: ต้องพบรอยร้าวเล็ก ๆ หรือลายงาตามธรรมชาติ มองเห็นด้วยตาเปล่า และตรวจด้วยแว่นขยายขนาดพกพากำลังขยายขั้นต่ำ 10x
  • ความลึกของพิมพ์: รอยตอกพิมพ์ต้องไม่คมหรือเรียบเกินไป ตรวจด้วยแว่นขยายขนาดพกพากำลังขยายขั้นต่ำ 10x
  • เนื้อวัสดุ: เนื้อดินหรือว่านต้องไม่นุ่มหรือร่อน โลหะต้องมีสนิมตามธรรมชาติ มองเห็นด้วยตาเปล่า และตรวจด้วยแว่นขยายขนาดพกพากำลังขยายขั้นต่ำ 10x

2.การตรวจสอบองค์ประกอบด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ (XRF)

     นำพระเครื่องที่ผ่านการประเมินเบื้องต้นมาวิเคราะห์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ (XRF) เพื่อตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีของวัตถุ ยืนยันความแท้จริงในระดับโครงสร้างวัตถุ โดยใช้พลังงาน 8-50 kV เป็นเวลา 45 วินาที-5 นาที เพื่อระบุธาตุหลัก (เช่น Si, Ca, Fe) และธาตุรอง (เช่น Cu, Zn) ผลลัพธ์จะถูกเปรียบเทียบกับบันทึกการสร้างในยุคนั้น (เช่น ดินผสมว่าน หรือโลหะผสมโบราณ) หากสอดคล้องจึงผ่านเกณฑ์


3.การตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญ

     เมื่อพระเครื่องหรือวัตถุผ่านเกณฑ์การวิเคราะห์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ (XRF) แล้ว จะถูกนำมาตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะทาง วิเคราะห์รูปร่าง เส้นสาย และรายละเอียด เช่น รอยจารึก หรือร่องรอยการผลิต เพื่อยืนยันความแท้จริงอย่างละเอียด โดยใช้แว่นขยายขนาดพกพากำลังขยายขั้นต่ำ 10x ประกอบกับเครื่องขยายภาพระดับ 500x ขึ้นไป ผลลัพธ์จะถูกเปรียบเทียบกับบันทึกการสร้างหรือหลักการดูพระเครื่องที่ถ่ายทอดกันมา หากสอดคล้องจึงผ่านเกณฑ์


4.การวัดขนาดและชั่งน้ำหนัก

     วัตถุที่ผ่านการตรวจพิสูจน์จากขั้นตอนข้อ 2 และ 3 แล้ว จะถูกวัดขนาดด้วยเวอร์เนียคาลิปเปอร์แบบดิจิตอล ระบุหน่วยเป็นมิลลิเมตร และชั่งน้ำหนักวัตถุ โดยบันทึกค่าทศนิยม 3 ตำแหน่ง


5.การถ่ายภาพ

     ถ่ายภาพวัตถุจากมุมต่างๆ ได้แก่ ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพื่อใช้ในการจัดทำใบรับรองสินทรัพย์ดิจิทัล และการจดจำภาพ


6.การจัดทำใบรับรองอัตลักษณ์แบบพิมพ์บนกระดาษและประทับตราปั้มนูน

     นำข้อมูลจากข้อ 2 – 5 มาจัดทำเป็นใบรับรองอัตลักษณ์ และจัดพิมพ์บนกระดาษ จากนั้นประทับตราสัญลักษณ์แบบปั้มนูน


7.การจัดทำใบรับรองอัตลักษณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการใช้บล็อกเชน

     ใบรับรองอัตลักษณ์จะถูกแปลงเป็นรูปแบบดิจิทัล (e-Certificate) และบันทึกในระบบบล็อกเชน เพื่อความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ


8.จัดทำสินทรัพย์ดิจิทัลจากภาพที่ถ่ายไว้

     ภาพถ่ายของวัตถุจะถูกนำมาสร้างเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ (Non-Fungible Token: NFTS) เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ความแท้จริง และเผยแพร่ผ่านช่องทาง


9.ฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (Machine Learning Model)

     นำภาพถ่ายและข้อมูลพระเครื่องเข้าสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Machine Learning) เพื่อพัฒนาโมเดลจดจำอัตลักษณ์และยืนยันภาพของวัตถุที่ผ่านการตรวจรับรอง


10.จัดทำแอปพลิเคชันจดจำอัตลักษณ์และยืนยันภาพของวัตถุที่ตรวจรับรองแล้วผ่านสมาร์ทโฟน

     ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพพระเครื่องหรือวัตถุ แล้วแอปพลิเคชันจะแสดงข้อมูลว่าพระเครื่องหรือวัตถุดังกล่าวเคยผ่านการตรวจสอบอัตลักษณ์ด้วยกระบวนการข้อ 2-5 และมีใบรับรองตามข้อ 6-7 หรือไม่ พร้อมแสดงรายละเอียด และลิงก์ไปยังใบรับรองอัตลักษณ์ที่ถูกแปลงเป็นรูปแบบดิจิทัล (e-Certificate) และบันทึกในระบบบล็อกเชน


11.เชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมด เพื่อการยืนยันพระเครื่องและวัตถุ

     ระบบนี้เชื่อมโยงพระเครื่องและวัตถุ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้ กับข้อมูลจากการตรวจสอบอัตลักษณ์ในรูปแบบของใบรับรองอัตลักษณ์แบบกระดาษ (Certificate), ใบรับรองอัตลักษณ์แบบดิจิทัล (e-Certificate), สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ (Non-Fungible Token: NFTS), และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบอัตลักษณ์ โดยใช้เทคโนโลยีโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (Machine Learning Model) เพื่อให้การยืนยันพระเครื่องและวัตถุ มีความแม่นยำ น่าเชื่อถือ และมีความสมบูรณ์ครอบคลุมทุกมิติ

Get in touch

Siamamuletc@gmail.com

ตรวจพระด้วยวิทยาศาสตร์ ปล่อยพระในตลาดโลกต้อง

Siam Amulet Collection
Scroll to Top